ประวัติของวันเทโวโรหณะ มีปรากฏอยู่ใน คัมภีร์อรรถกถาธรรมบท มีใจความย่อ ๆ ว่า ในมัชฌิมโพธิกาล พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ที่นครสาวัตถีเป็นเวลา ๒๕ พรรษา คนส่วนใหญ่หันมานับถือศาสนาพุทธ นักบวชนอกศาสนาพุทธจึงเดือดร้อน เพราะขาดลาภสักการะ จึงหาทางกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะในเรื่องปาฏิหาริย์ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสาวกก็ไม่ได้แสดงปาฏิหาริย์ใด ๆ ให้เห็น พวกนอกศาสนาจึงโจมตีว่า สิ้นฤทธิ์
         พระพุทธเจ้าทรงดำริว่า ถ้ายังปล่อยไว ้ก็อาจจะเป็นผลเสีย ในวันเพ็ยเพือนอาสาฬห พระองค์จึงทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ คือ การแสดงฤทธิ์เป็นคู่ ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในชั่วพระชนม์ชีพของพระองค์ ทำให้ผู้คนหายเคลือบแคลง หันมานับถือศาสนา พุทธอย่างมั่นคง
         ครั้นรุ่งขึ้นวันแรม ๑ ค่ำ เดือนอาสาฬห เป็นวันอธิฐานเข้าพรรษา พระองค์ทรงประกาศแก่พุทธบริษัทว่า จะเสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตามธรรมเนียมที่พระพุทธเจ้า ในอดีตกระทำมาเพื่อเทศนา พระอภิธรรมทั้ง ๗ โปรดพระพุทธมารดาเป็นเวลา ๓ เดือน พอถึงวันเพ็ญเดือน ๑๑ ก็เสด็จกลับโลกมนุษย์ ณ บริเวณใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร ท้าวสักกเทวราช พร้อมทั้งเทพบริวาร นับจำนวนไม่ถ้วนตามส่งเสด็จ ทางบันไดสวรรค์จนถึงชั้นพิภพ พระพุทธเจ้า ทรงใช้อิทธิฤทธิ์บันดาลให้โลกทั้ง ๓ คือ เทวโลก มนุษยโลก และสัตว์นรก มองเห็นกันหมด เรียกว่า "วันพระเจ้าเปิดโลก" แล้วทรงแสดงธรรมเทศนา โปรดสัตว์ในโลกทั้ง ๓ ทำให้มีผู้บรรลุ มรรคผลนิพพานไม่น้อย
         วันรุ่งขึ้น เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ประชาชนผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนา ต่างพากันมาใส่บาตร พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ผู้คนต่างคนต่างมาด้วยศรัทธา จึงมีคนมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คนมากถึงกับเข้าไม่ถึงพระ จึงเอาข้าวของตนปั้นเป็นก้อน โยนใส่บาตรพระ จนกลายเป็นการทำข้าวต้มลูกโยน สืบทอดเป็นประเพณีถึงปัจจุบัน